ใกล้เทศกาลงานสงกรานต์กันแล้วนะครับ วันนี้หลงฟู่ มีวิธีการสงน้ำพระพุทธรูปที่บ้านมาฝากครับ เพื่อท่านใดยากสรงน้ำพระพุทธรูปที่บ้านแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร หรือเคยทำทุกปีแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้องตามโบราณเขาทำกันอย่างไร มาติดตามไปด้วยกันเลยครับ
ก่อนอื่นเรามาดูอานิสงส์ของการสรงน้ำพระกันก่อนครับ
การถวายเครื่องเถราภิเษกหรือที่เราๆเรียกกันว่าสรงน้ำพระนั้น ได้มีกรากล่าวถึงอานิสงส์ว่า ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษก(สรงน้ำพระ) ผู้นั้นจะได้รับอานิสงส์ช่วยให้พ้นทุกข์ภัยทั้งปวง ดังมีเรื่องเล่าอานิสงส์นี้ในสมัยพุทธกาล
กาลครั้งนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประทับอยู่ ณ เชตุวันมหาวิหาร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป วันหนึ่งพระเจ้าปัสเสนทิโกศล พร้อมด้วยมหาอำมาตย์ทั้งหลาย ได้เสด็จนำเครื่องสักการะทั้งหลาย เข้าไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร เมื่อถวายอภิวาท แด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วจึงทูลถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันบุคคลใดกระทำสักการะบูชาสรงเถราภิเษก แก่สงฆ์ ด้วยใจเลื่อมใสศรัทธา จะได้ผลอานิสงส์เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เจ้าจึงตรัสว่า ดูกร!มหาราช บุคคลใด มีความเชื่อในคุณของพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการแล้ว เมื่อปรารถนาอันใด ก็จะสมความมุ่งมาตรปรารถนาทุกประการ การทำเถราภิเษกนี้ได้ทำกันสืบๆ มาในครั้งพุทธเจ้าก่อน ๆ
แล้ว พระองค์ทรงแสดงต่อไปว่า ในกาลครั้งนั้นเป็นสมัยครั้งศาสนาของพุทธเจ้าเมธังกร ยังมี พระยาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าวิชัยยะ ได้เสวยสมบัติ ในเมืองสารนครประกอบไปด้วยทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ มีเถระองค์หนึ่งชื่อว่าอุสสา เป็นอันเตวาสิกแห่งพุทธเจ้าเมธังกร พระยาวิชัยยะ ได้ทอดพระเนตรเห็น พระมหาเถระเข้ามาในเมือง พระยาวิชัยยะก็มีใจศรัทธาเลื่อมใส ในอิริยาบถ ของพระมหาเถระเจ้าเสร็จไปต้อนรับนิมนต์ให้ไปสู่ปราสาทของพระองค์ แล้วก็จัดแจง สรงเถราภิเษกด้วยน้ำหอม เสร็จแล้วถวายภัตตาหาร ตั้งความปรารถนาว่า ปวงชนทั้งหลายที่อยู่ใน ขอบเขตขัณฑเสมา ขอจงตั้งอยู่ใน โอวาทคำสอน ของพระองค์ ทุกเมื่อ และขอให้ข้าพระองค์ได้พ้นจากทุกข์ภัยเวร ข้าศึกศัตรูทั้งหลายด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ในอนาคตกาลโน้นเทอญ พระมหาเถระเจ้า ก็ได้อนุโมทนา แห่งพระยาวิชัยยะ แล้วถวายพระพรทิพย์ ๑๐ ประการ ลากลับไปสู่ สำนักแห่งพระมหาเถระเจ้า พระยาวิชัยยะได้รับพร แห่งพระมหาเถระ แล้วมีจิตยินดีรื่นเริงบันเทิงใจ ต่อบุญกุศลของพระองค์ที่ทรงกระทำไว้ ครั้นจุติจากโลกแล้วก็ไปอุบัติ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตพิภพ มีวิมานทองสูง ๒๒ โยชน์ มีนางเทพอัปสรแสนหนึ่งเป็นบริวาร ครั้นสิ้นชีพเทวบุตรแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเจ้าพระสิริตะ เสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้นไป ได้มาเกิดเป็น องค์พระตถาคต เดี๋ยวนี้แล
พิธีสรงน้ำพระในบ้านนี้ เป็นพิธีกรรมที่มีมาแต่โบราณที่จะต้องกระทำเป็นประจำทุกปีในวันสงกรานต์ เพื่อเป็นการสรงน้ำพระ
โดยจะมีการทำความสะอาดองค์พุทธรูป หิ้งพระ มีการเปลี่ยนผ้าขาวรองพระ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
-ผ้าเช็ดทำความสะอาดผืนใหม่ควรเป็นสีขาวหรือฟองน้ำใหม่สะอาดๆ
-ขันใส่น้ำสำหรับทำความสะอาด
-โต๊ะที่จะใช้ประดิษฐานชั่วคราว
-พานถาดและถาดรองตามความเหมาะสม
-เครื่องหอม (ดอกไม้หอม,พวงมาลัย,น้ำหอม,น้ำอบ,น้ำปรุง)
-ขันสำหรับใส่น้ำเพื่อสรงน้ำพระ
วิธีการ
1.ให้ตั้งจิตกล่าวคำการขอขมาเพื่อไม่ให้เกิดเป็นโทษภัยก่อนที่จะเริ่มทำความสะอาดหิ้งพระ โต๊ะหมู่บูชา ด้วยการ
ตั้งนะโม ๓ จบ และกล่าวคำขอขมาดังนี้
ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
(คำแปล กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ ที่ข้าพเจ้าได้ประมาทพลาดพลั้งในพระรัตนตรัย ด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ขอพระรัตนตรัยได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด)
2.จากนั้นเริ่มทำความสะอาดพระพุทธรูป หรือรูปภาพ ด้วยผ้าขนหนูขาวผืนใหม่ หรืออาจจะเป็นฟองน้ำใหม่ก็ได้ชุบน้ำที่เตรียมไว้แล้วบิดพอมาดๆ
3.หลังจากนั้นก็อัญเชิญพระพุทธรูปไปตั้งเตรียมการสรงน้ำ ณ ที่กำหนดต่อไปก่อนประดับโต๊ะด้วยดอกไม้หรือกลีบดอกไม้โรยสวยงาม
4.เตรียมดอกไม้หอม พวงมาลัย น้ำอบ ขันใส่น้า สำหรับสรงน้ำพระพุทธรูป
5.ทำความสะอาดที่วางพระ คือ โต๊ะหมู่บูชาเช็ดให้สะอาดเวลาเช็ดให้สวด อิติปิโส ไปด้วยจะดีมาก
เมื่อทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จแล้ว เตรียมน้ำสะอาดเย็นๆ ใส่ขันแล้วโรยดอกไม้ และใส่น้ำอบ แล้ว สรงน้ำพระพร้อมกันทั้งครอบครัว พร้อมดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน น้ำที่ใช้สรงพระพุทธรูป ควรเป็นน้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ สามารถดื่มกินได้ โดยจะใส่เครื่องปรุง เช่น ผงขมิ้น แป้ง หรือ น้ำอบไทย และกลีบดอกไม้ เป็นต้น ลงในน้ำด้วยก็ได้ เมื่อถึงเวลาสรงน้ำพระพุทธรูป ก็ควรเริ่มด้วยการ
ตั้งนะโม ๓ จบ และกล่าวคำอธิษฐานสรงน้ำพระว่า
อิมินา สิญฺจะเนเนวะ โรโค โสโก อุปัททะโว นิพพันตุ สัพพะโส เอเต สุขี
โหนตุ นิรันตะรัง
(คำแปล เดชะ ข้าสรงน้ำ พระชุ่มฉ่ำตลอดกาล ทุกข์โศกโรคภัยพาล อันตรธาน เป็นสุข เทอญ)
หลังจากกล่าวคำอธิษฐานเสร็จแล้ว จึงตักน้ำสรงพระพุทธรูปด้วยความเคารพต่อไป
เมื่อสรงน้ำพระพุทธรูปกันเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะต้องอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานยังที่ของท่าน โดยก่อนจะนำขึ้นประดิษฐาน เราควรหาผ้าขาวผืนใหม่มาปูรองรับองค์พระพุทธรูปแทนของเดิมที่เราเปลี่ยนออกด้วยนะครับ เมื่อประดิษฐานพระพุทธรูปเรียบร้อยแล้ว ก็จุดธูปเทียน บูชาพระ เป็นการเริ่มต้นครับ
สวัสดีครับ