"หยก" คืออัญมณีที่ไม่ได้มีคุณค่าแค่ในด้านความงาม แต่ยังแฝงไว้ด้วยพลัง ความเชื่อ และสถานะทางจิตวิญญาณ
หยก หรือ “เจด” (Jade) มีสองชนิดหลักคือ
เจไดต์ (Jadeite) – หยกพม่า สีเขียวสดใส โปร่งแสง มีค่ามาก
เนไฟรต์ (Nephrite) – หยกจีนดั้งเดิม สีเขียวเข้ม ขุ่นกว่าเล็กน้อย
ในวัฒนธรรมจีน หยกเปรียบได้กับ “ทองคำแห่งสวรรค์”
เป็นสัญลักษณ์ของ ความดี ความสงบ ความมั่นคง สุขภาพ อายุยืน และพลังจิต
หยกจึงมักถูกแกะสลักเป็นพระพุทธรูป เทพเจ้า หรือเครื่องรางแห่งความศักดิ์สิทธิ์
พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร คือพระพุทธรูปขนาดเล็ก (สูงประมาณ 66 ซม.) ที่ทำจากหินเขียวเนื้อเนียน
แม้ว่าจะไม่ใช่หยกแท้ทางธรณีวิทยา แต่เชื่อกันว่าเป็น หินเนฟริตหรือหินควอตซ์ชนิดพิเศษ ที่มีความคล้ายหยกมาก และมีความแข็งแรงสูง
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่มีประวัติสืบทอดยาวนานกว่า 600 ปี
โดยเชื่อกันว่าเคยประดิษฐานในหลายเมือง เช่น ลังกา พม่า ล้านนา ก่อนจะมาอยู่ในกรุงเทพมหานครในรัชกาลที่ 1
ความเชื่อที่สำคัญเกี่ยวกับพระแก้วมรกตคือ
“ผู้ใดได้ครอบครอง จะเป็นผู้ครองเมืองได้อย่างมั่นคง”
จึงไม่น่าแปลกใจว่าหลายอาณาจักรในอดีตต่างต้องการอัญเชิญพระแก้วมรกตไว้ในแผ่นดินตน
ในอดีต พระแก้วมรกตเคยประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงราย ลำปาง เชียงใหม่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และในที่สุดคือ กรุงเทพฯ
โดยในทุกยุค พระแก้วมรกตได้รับการเคารพบูชาอย่างสูงสุด และถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ “อัญเชิญลงมือไม่ได้ง่าย” ต้องมีบุญบารมีเท่านั้น
ในแต่ละปี พระแก้วมรกตจะถูกเปลี่ยนเครื่องทรง 3 ครั้ง ตามฤดูกาล:
ฤดูร้อน – เครื่องทรงทองคำ
ฤดูฝน – เครื่องทรงทองคำลงยาประดับอัญมณี
ฤดูหนาว – เครื่องทรงทองคำลงยาแบบพระราชนิยม
การผลัดเครื่องทรงทำโดยพระมหากษัตริย์หรือผู้แทน และเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
เปรียบเสมือนการ “เสริมดวงแผ่นดิน” ให้ประเทศชาติสงบสุข
นอกจากพระแก้วมรกต ยังมีพระพุทธรูปที่สร้างจากหยกแท้มากมายในจีน พม่า และไทย เช่น:
พระแก้วหยกขาว ที่วัดไตรมิตรฯ
พระพุทธรูปหยกในวัดโพธิ์ ซึ่งมีความงดงามและสงบ
พระพุทธรูปหยกในวัดในพม่า ซึ่งมักจะมีขนาดใหญ่และเป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณของชาวบ้าน
เพราะหยกเป็นหินที่แข็งมาก ช่างฝีมือจึงต้องใช้เวลาและความละเอียดสูงในการแกะสลัก
การสร้างพระพุทธรูปหยกจึงมักใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น งานเฉลิมฉลอง หรือสร้างเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของเมือง
แม้ในยุคปัจจุบัน หยกจะถูกมองว่าเป็นเครื่องประดับโบราณ แต่กระแส “หยกมินิมอล” และ “หยกสายมู”
กำลังกลับมาในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนที่ต้องการเครื่องประดับที่ “สวย มีความหมาย และไม่เหมือนใคร”
ผู้คนเชื่อว่าหยกเป็นเครื่องรางที่ช่วย “กันภัย ป้องกันโรค เสริมความมั่นใจ และดึงดูดพลังดี”
บางคนถึงขั้นบอกว่า “ใส่หยกแล้วชีวิตนิ่งขึ้น เหมือนมีพลังงานบางอย่างคอยคุ้มกัน”